Greenbook แรงบันดาลใจดีๆที่ได้จากภาพยนตร์
Greenbook คือหนังสือไกด์บุ๊ค เล่มสีเขียว ที่เป็นเหมือนคู่มือสำหรับการใช้ชีวิตของคนผิวสี ทั้งเส้นทางการเดินทาง ที่พัก ร้านอาหาร บาร์ ห้องน้ำ ว่าร้านไหนที่คนผิวสีสามารถเข้าไปใช้บริการได้ เพราะในสมัยนั้นการแบ่งแยกทางสีผิวยังเป็นที่รับรองทางกฎหมาย ทำให้มีร้านอาหารหลายร้านและหลายโรงแรมที่ห้ามคนผิวสีเข้าไปใช้บริการ เพื่อความปลอดภัยของลูกค้าท่านอื่น จนถึงขนาดต้องทำคู่มือการใช้ชีวิตสำหรับคนผิวสีออกมาขาย ซึ่งขายดีมากๆเอาเสียด้วย
ในภาพยนตร์เรื่อง Greenbook นี้จะมีตัวละครหลักอยู่ 2 คนด้วยกัน ดร.ดอน เชอร์ลีย์ (Don Shirley) นักเปียโนคลาสสิกผิวสีชื่อดังระดับโลก ผู้ร่ำรวยขนาดที่มีอพาร์ตเมนต์อยู่เหนือคาร์เนกีฮอลล์ โรงละครขนาดยักษ์ใจกลางนิวยอร์ก เขามีเป้าหมายในการสร้างความเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านความคิดและการกระทำระหว่างคนผิวขาวและคนผิวสี และ Tony Lip ชายผู้ทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ไนท์คลับแห่งหนึ่ง ซึ่งมีนิสัยปากร้าย ก้าวร้าว แถมยังเป็นคนที่เหยียดผิวนิดๆอีกด้วย
ทั้งคู่ได้มาเจอกันตอนที่โทนี่กำลังหางานและดอนกำลังหาคนขับรถพาเค้าไปทัวร์คอนเสิร์ต ที่ทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นที่ที่มีการเหยียดผิวรุนแรงมาก ดอนจึงต้องการมากกว่าคนขับรถ เค้าต้องการคนดูแลและคนที่จะคอยเคลียร์ปัญหาเรื่องคนผิวสีให้เค้าได้ตลอดการเดินทาง
ทั้งสองมีบุคลิกที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว แต่ตลอดเส้นทาง พวกเขาต้องอยู่ด้วยกันแทบจะทุกเวลา มิตรภาพ ความคิด มุมมองของทั้งคู่เริ่มเปลี่ยนแปลง เสียงเปียที่อ่อนโยนของดอนเริ่มเปลี่ยนความคิดและบรรเทาความอคติของโทนี่ที่มีต่อคนผิวสี ให้ค่อยๆจางหายไป
แม้ในเรื่องจะปูให้โทนี่จะเป็นผู้ให้การช่วยเหลือดอนในตลอดการเดินทาง แต่ดอนเองก็ยังช่วยสอนโทนี่ให้เป็นคนที่มีความคิดที่ละเอียดอ่อนขึ้น ใส่ใจความรู้สึกผู้อื่นมากขึ้น ไปจนถึงการเรียนรู้ที่จะไม่รีบร้อนตัดสินผู้อื่นแค่เพียงการมองเห็นแค่ชั่วขณะ และทำให้โทนี่เห็นว่าคนผิวสีไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่เขาคิด การอยู่ร่วมกันของคน2คนที่มีบุคลิกต่างกันอย่างสิ้นเชิงทำให้ทั้งคู่ได้เป็นทั้งผู้ให้และผู้รับบางสิ่งบางอย่างจากความสัมพันธ์นี้ด้วยกันทั้งคู่ จนทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนรักที่รู้ใจกัน คอยให้ความช่วยเหลือกันและกันได้เสมอเมื่ออีกฝ่ายเดือดร้อนโดยไม่ต้องร้องขอ
ความสัมพันธ์ของคนเรา เมื่อเวลามันพัฒนาไปถึงจุดๆหนึ่ง แม้วัฒนะธรรมและสังคมยังกีดกันแต่สุดท้ายแล้ว ถ้าเรามองเห็นเกียรติของกันและกันด้วยหัวใจ ไม่ใช่สีผิว และ ฐานะ
สุดท้ายแล้วความแตกต่างในเรื่องสีผิวเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา
เราจึงไม่ควรมองใครสักคนแค่เพียงจากการที่เราเห็นเพียงครั้งเดียว หรือจากคำบอกเล่าของผู้อื่น คนทุกคนมีหลายแง่มุม หากได้ลองทำความรู้จัก พัฒนาความสัมพันธ์เราอาจจะเห็นเค้าในมุมที่แตกต่างไปจากที่คนอื่นเคยเห็น เพราะทุกคนล้วนมีข้อดีในตัวของตัวเอง
บทความนี้ได้แรงบันดาลใจ จาก ภาพยนตร์เรื่อง Greenbook
#Folioliveprofessional / 28 May 2019