เคยสงสัยกันไหมครับว่าการชงชาแบบใช้น้ำร้อนและการชงชาแบบใช้นำเย็น แตกต่างกันยังไง วันนี้ โฟลิโอ มอร์ เรามีคำตอบให้ครับ

---

การชงชาให้ได้รสชาติที่ดี ประกอบด้วยปัจจัยหลัก 3 อย่าง คือ ชนิดของชา อุณหภูมิ และเวลาในการชงครับ

การชงด้วยน้ำร้อน ช่วยดึงสารคาเตชิน และคาเฟอินออกมาในปริมาณมากและรวดเร็ว โดยสารเหล่านี้ช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกายได้ดี อีกทั้งทำให้ชาที่ออกมามีกลิ่นหอมการกว่าชงเย็น และมีรสชาติที่เข้มข้น จนออกขมหากทิ้งไว้เป็นเวลานาน ฉะนั้นสำหรับคนที่ชอบดื่มชาร้อน แนะนำให้ใช้เวลาในการชงไม่เกิน 5-10 นาที เพื่อให้รสชาติที่ดีที่สุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของชาที่ดื่มด้วยนะครับ อย่างชาดำ, ชาเขียว เป็นชาที่เหมาะกับการชงในน้ำร้อน ในระยะเวลาสั้นๆ เพราะมีรสชาติที่เข้มเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากทิ้งไว้นานมีรสฝาดและเฝื่อนจนดื่มไม่ได้เลยครับ

ในทางตรงกันข้าม วิธีการชงชาด้วยความเย็นช่วยรักษาคุณค่าทางสารในใบชาได้ดีกว่า แถมรสชาติยังขมน้อยกว่าชาร้อนอีกด้วย สำหรับคนที่ไม่ชอบการดื่มชาที่ให้รสเข้ม นี่คือรสชาติที่คุณตามหาครับ แต่การชงชาแบบนี้ต้องใช้เวลาในการบ่มอย่างต่ำ 8 – 10 ชั่วโมง เพื่อให้รสชาติออกมาได้เต็มที่ โดยชาที่ได้รับความนิยมจะเป็นชาอู่หลง, ชาดอกไม้ ซึ่งเหมาะกับการชงด้วยน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิห้องครับ

ไม่ว่าจะชาร้อนหรือชาเย็น ต่างมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับเหมาะสมและความชอบของแต่ละคน การดื่มชาอุ่นๆ ยามเช้าซักแก้ว ช่วยกระตุ้นระบบภายในร่างกายได้ดี และเริ่มวันใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่การดื่มชาเย็นในช่วงบ่าย ช่วยรีเฟรชร่างกายให้สดชื่นขึ้น แล้วเพื่อนๆ ล่ะครับ ชอบดื่มชาแบบไหนมากกว่ากัน มาคอมเม้นต์กันได้นะครับ

___

#FolioMore #healthydrink