กว่าจะมาเป็นหนัง
พอดีมีคำถามจากเพื่อนคนหนึ่งที่กำลังมองหากระเป๋าหนังคู่กายสักชิ้น แต่กลับพบว่า “เฮ้ย.....ทำไมหนังมีหลากหลายแบบจัง ตัดสินใจไม่ถูก” แล้วหนังวัวแบบไหนล่ะดีที่สุด อืม...เป็นคำถามที่น่าสนใจเหมือนกันใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นวันนี้เรามาทำความรู้จักกับหนังให้มากขึ้นกันดีกว่า
อย่างที่ทุกๆ คนรู้โดยทั่วไปว่า หนังแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ หนังแท้และหนังเทียม ซึ่งหนังแท้เนี่ยมีราคาสูงตามคุณภาพและลักษณะของการฟอก โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 2 พวก คือ
อย่างที่ทุกๆ คนรู้โดยทั่วไปว่า หนังแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ หนังแท้และหนังเทียม ซึ่งหนังแท้เนี่ยมีราคาสูงตามคุณภาพและลักษณะของการฟอก โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 2 พวก คือ
- หนังดิบ นำมาใช้ประโยชน์โดยตรง เช่น ทำหนังกลอง หนังตะลุง เป็นต้น
- หนังฟอก เป็นหนังดิบที่ผ่านการฟอกแบบต่างๆ เพื่อไม่ให้หนังเน่าเปื่อย มีลักษณะอ่อนนุ่ม เรียบ สม่ำเสมอ มีสีสันสวยงาม มีความหนาตามต้องการ สำหรับหนังวัวเป็นหนังที่มีสีผิวไม่สวยงามจึงจำเป็นต้องมาตกแต่งและย้อม
ซึ่งกระบวนการฟอกหนังไม่ใช่แค่การทำความสะอาดหนังเพียงอย่างเดียวนะคะ แต่มันเป็นกระบวนการเปลี่ยนหนังดิบที่สามารถเน่าเปื่อยได้ให้เป็นหนังสำเร็จรูปที่คงตัว ไม่เน่าเปื่อย มีความทนทานต่อสภาพอากาศและความร้อน กระบวนการฟอกจึงจำเป็นต้องมีการใช้สารเคมีต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยมีกรรมวิธีการฟอกที่ใช้อยู่คือ
การฟอกโครม (Chrome Tanning)เป็นการฟอกที่กระทําในถังหมุน ซึ่งจะใช้สารเคมีพวกเกลือของโครเมียมเป็นตัวฟอก เช่น โครมิก (Chromic) เป็นตัวฟอก ซึ่งจะทำให้หนังมีสภาพเป็นไฟเบอร์ (Fibre) เมื่อนำไปตากแห้งแล้วจะแข็งมีสีเขียว จึงเรียกหนังที่ผ่านการฟอกโครมแล้วว่า หนังเขียว(WetBlue) การฟอกประเภทนี้เป็นที่นิยมกว่า เนื่องจากเป็นที่ต้องการของตลาด ใช้เวลาสั้น สารเคมีราคาถูก หนังที่ฟอกแล้วทนต่อความร้อนและความชื้นได้ดีกว่า
และการฟอกฝาด (Vegetable Tanning) การฟอกประเภทนี้จะนำสารสกัดประเภทแทนนินซึ่งสกัดได้จากเปลือกไม้พวกยูคาลิปตัส ควีบราโค และอื่นๆ มาเป็นตัวฟอก ทำได้ในถังไม้ปั่นหรือบ่อคอนกรีต น้ำที่ใช้ฟอกแล้วก็สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกเพราะสารที่ใช้ฟอกนั้นเป็นสารธรรมชาติ ขั้นตอนที่สําคัญคือการล้างฝาดส่วนเกินโดยใช้ กรดออกซาลิคล้างฝาดออกจากหนังซึ่งจะมีผลต่อคุณภาพหนังอย่างมาก หนังสําเร็จรูปที่เกิดจากการฟอกฝาดจะมีน้ำหนักมากกว่าการฟอกโครมและมีต้นทุนการผลิตสูงกว่าการฟอกโครมหลังจากการฟอกแล้วหนังจะถูกรีดน้ำทําให้แห้งเจียรผิวด้วยเครื่องตัดแต่งและคัดเลือกเพื่อนำไปแปรรูปต่อ
และการฟอกฝาด (Vegetable Tanning) การฟอกประเภทนี้จะนำสารสกัดประเภทแทนนินซึ่งสกัดได้จากเปลือกไม้พวกยูคาลิปตัส ควีบราโค และอื่นๆ มาเป็นตัวฟอก ทำได้ในถังไม้ปั่นหรือบ่อคอนกรีต น้ำที่ใช้ฟอกแล้วก็สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกเพราะสารที่ใช้ฟอกนั้นเป็นสารธรรมชาติ ขั้นตอนที่สําคัญคือการล้างฝาดส่วนเกินโดยใช้ กรดออกซาลิคล้างฝาดออกจากหนังซึ่งจะมีผลต่อคุณภาพหนังอย่างมาก หนังสําเร็จรูปที่เกิดจากการฟอกฝาดจะมีน้ำหนักมากกว่าการฟอกโครมและมีต้นทุนการผลิตสูงกว่าการฟอกโครมหลังจากการฟอกแล้วหนังจะถูกรีดน้ำทําให้แห้งเจียรผิวด้วยเครื่องตัดแต่งและคัดเลือกเพื่อนำไปแปรรูปต่อ
จึงถือได้ว่า การฟอกฝาดเป็นวิธีการที่ดีที่สุด หนังที่สามารถนำมาฟอกฝาดได้จากหนังในส่วนที่ดีและแข็งแรงที่สุดของวัวตัวหนึ่ง เพราะถ้าหนังมีตำหนิมากๆ เนื่ย เขาก็มักจะนำไปย้อมสี หนังที่ฟอกฝาดจึงมีเสน่ห์ของมันค่ะ คือ ยิ่งใช้ยิ่งนิ่มยิ่งดูสวย และมีความคงทนยาวนานเป็นสิบๆ ปี
ส่วนหนังเทียมเนี่ย คือสารสังเคราะห์ที่ถูกนำมาทำให้มีลักษณะคล้ายหนังแท้ โดยผลิตมาเพื่อเลียนแบบหนังแท้และเพื่อใช้ทดแทนหนังแท้ ก็อย่างที่เคยบอกไปนั่นแหละค่ะว่า มันมีราคาถูกกว่ามาก ซึ่งในปัจจุบันมีการพัฒนาทำให้หนังเทียมมีรูปลักษณ์เหมือนหนังแท้มากจนแยกแทบไม่ออกเลยนะคะ
ความรู้ดีๆ เกี่ยวกับเรื่องหนังยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะคะ ว่าแต่จะเป็นหนังในแง่มุมใดก็ต้องคอยติดตามกันนะคะ แล้วจะรู้ว่า เรื่องหนัง...สวยงามกว่าที่คุณคิด
#ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก http://www.thaitanning.org/th/tanning-industry/tanning-process/ ,http://www.bagindesign.com/articles/